หลายวันก่อน..
นลิน เพื่อนหญิงที่สนิทคนนึงของฉันแวะมาทำธุระที่กรมส่งเสริมฯ ใกล้ๆที่ทำงาน
เลยขับรถพานลินไปกินข้าวตอนพักเที่ยงแถวๆนั้น
เราคุยกันหลายเรื่อง
ส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกับนลินก็จะเป็นแนวๆ spiritual
เพราะเราต่างก็ชอบด้วยกันทั้งคู่
แม้ว่าเราจะมีแนวทางต่างกันไปบ้าง
หลังมื้ออาหาร ขับรถผ่านไปเจอร้านเค้กน่ารักๆ เงียบสงบร้านหนึ่ง
คอเค้กอย่างเราทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะแวะชิม
chocolate cake สีเข้มข้น กับ black forest ครีมขาวจั๊วะ เชอรี่แดงแจ๋ มาวางตรงหน้า
เราหยุดบทสนทนาไปพักหนึ่ง
เพื่อไปเอาใจใส่กับก้อนสามเหลี่ยมยวนใจตรงหน้า
น้ำเย็นๆ ชื่นใจไหลผ่านคอ เพื่อให้เนื้อฟูนุ่มของแป้งเค้กหลุดลื่นลงสู่กระเพาะได้ง่ายขึ้น
แล้วบทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง..
วันนั้นเราคุยกันถึงเรื่อง..ความรัก..
เราผลัดกันตั้งคำถามและผลัดกันหาคำตอบเท่าที่เราพอจะคิดได้กันในตอนนั้น
หลายเรื่องราว หลายคำถาม-ตอบ สลับกับชิ้นเค้กที่ถูกลำเลียงผ่านลิ้นสัมผัสเข้าสู่ลำคอเป็นระยะๆ
คงเทียบเคียงได้กับกลุ่มผู้ชายที่มักจะคุยกันออกรสในวงเหล้ากระมังคะ =)
เราคุยกันหลาย topic เหลือกิน ทั้งที่เวลาเรามีไม่มากนัก
ให้เล่าทั้งหมดคงจะนึกไม่ออก
แต่เรื่องหนึ่งที่จำได้คือ
นลินเล่าว่า มีเพื่อนของเธอคนหนึ่งค้นหาความรักจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และมักจะผิดหวัง
เพราะคนที่ผ่านเข้ามา มักจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอต้องการเมื่อคบกันไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
นลินถามกลับไปว่า..แล้วเธอมีความอยากที่จะ take care พวกเค้าเหล่านั้นมั้ย
เมื่อยามที่คบกันอยากที่จะประคับประคองต่อไปหรือเปล่า
เพื่อนเธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง..เปล่า..อาจเป็นได้ที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอ..
นลินบอกเพื่อนว่า งั้นนั่นอาจไม่ใช่ความรักหรอก..มันคือความเหงาของเธอมากกว่า..ที่ทำให้เธอคบกับหนุ่มๆเหล่านั้น
เธอจึงอยากได้และอยากให้เขาเป็นในสิ่งที่เธอต้องการ..สิ่งที่เธอขาดไป..
....................................
ก่อนหน้านั้น นลินได้คุยกับ philosopher คนหนึ่ง
เรื่องความรักเช่นกัน
เค้าให้ประโยคนึงไว้ว่า
ความรักที่ดีควรจะเกิดจากคนสองคนซึ่ง complete ในตัวเองแล้วจึงพร้อมที่จะให้ความรักแก่กันและกัน
ฟังนลินเล่ามาถึงตอนนี้
ใจฉันนึกไปถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชอบมาก
เคยไปยืนอ่านที่เอเชียบุ้คส์ เมื่อครั้งที่เป็นภาษาอังกฤษหลายปีมาแล้ว
มาวันหนึ่งมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์เอามาให้เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่าชอบหนังสือเล่มนั้น
แล้วบังเอิญที่ทำงานเพื่อนคนนั้นได้แปลหนังสือเล่มนั้นเป็นภาษาไทย
ความจริงมันไม่ใช่หนังสือปรัชญายากเย็นอะไรหรอกค่ะ
ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถอ่านจนจบในภาคภาษาอังกฤษได้ในร้านนั้นแน่
มันเป็นคล้ายๆหนังสือภาพลายเส้น เนื้อเรื่องสั้นๆ ศัพท์ง่ายๆ เหมือนหนังสือเด็กด้วยซ้ำ
หนังสือที่แปลเป็นไทยแล้ว : อภินันทนาการจากฟุ้งตั้งแต่ปี 44
ชื่อเรื่อง the missing piece meet big O
(บางคนอาจจะคุ้นหูกันมาบ้างก็ได้ เพราะหนังสือมันออกมานานแล้ว)
เป็นเรื่องราวของชิ้นเค้กสามเหลี่ยม(หรือพิซซ่า) รอคอยหาส่วนที่หายไปของตัวเอง
รอไป รอไป ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ซักที
จนมาเจอส่วนนึ่งที่แหว่งไปพอดีกับที่ตัวเองจะเข้าไปสวมได้เป๊ะผ่านเข้ามา..ครบวงพอดี
ก็เลยออกเดินทาง(กลิ้ง) ไปด้วยกัน
แล้ววันหนึ่งจู่ๆ เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมก็ดันโตขึ้น เปลี่ยนรูปร่างไป
จากที่เคยพอดี พอเหมาะ พอเจาะ ก็ไม่พอดีซะแล้ว กลิ้งต่อไม่ได้แล้ว
ในที่สุดก็ต้องเซย์กู้ดบายกันไป...
เจ้าสามเหลี่ยมต้องรอต่อไป..และรอต่อไป
วันหนึ่ง..มี big O กลิ้งมาเจอเจ้าชิ้นสามเหลี่ยม
big O ไม่เหมือนชิ้นอื่นๆที่ผ่านเข้ามา
เพราะ big O ไม่มีส่วนที่ขาดหาย
ไม่มีส่วนที่เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมนั่นจะเสียบเข้าไปได้เลย
เจ้าสามเหลี่ยมก็เลยถาม แล้วจะพาฉันไปด้วยได้ไงล่ะ
big O ตอบว่า ฉันพาเธอเกาะไปไม่ได้ แต่เราอาจจะกลิ้งไปพร้อมกันได้
เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมบอกว่า ฉันกลิ้งไม่ได้อ้ะ ฉันมันไม่เต็มก้อน ไม่เป็นวงๆเหมือนเธออ้ะ
big O ถามกลับว่า..แล้วเธอเคยลองหรือยัง?
big O ทิ้งคำถามไว้พร้อมกล่าวคำลาและกำลังใจน้อยๆว่า..วันนึงเราอาจจะได้เจอกันอีก
ชิ้นสามเหลี่ยมนิ่ง..คิด
แล้วก็ลองพยามดู ทีละนิด วันละนิด แต่ตั้งใจ
ที่จะยกตัวเองและกลิ้งไปข้างหน้า
ทีละนิด วันละนิด
จนในที่สุด..มันก็เริ่มกลิ้งได้
เหลี่ยมและมุม ถูกลบออกไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นวงกลม วงน้อยๆ
พร้อมที่จะวิ่งไปข้างหน้า และเติบโต..ด้วยตัวเอง
พร้อมที่วิ่งไปข้างๆ big O เมื่อมันมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง
....................................
เช่นเดียวกับที่ philosopher คนนั้นว่าไว้
มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่..
ความจริงมันเป็นเรื่องเก่า..
แต่บางครั้งเราอาจลืมไปหรือเปล่า?..
ลืมหัดให้ตัวเองเป็น big O ที่ complete ก่อนที่จะรอให้คนอื่นมาทำให้ complete
เป็น big O ที่พร้อมจะให้ความรักกับอีกฝ่าย
เป็น big O ที่รับความรักจากอีกฝ่ายเพื่อให้เป็นบิ๊กโอวงใหญ่ขึ้น
ไม่ใช่โดยคาดหวังที่จะให้อีกคนมาเป็นผู้เติมเต็มให้ตัวเองเต็มชิ้น
....................................
บทสนทนาจำต้องจบลงพร้อมๆ กับเจ้าชิ้นสามเหลี่ยมสองก้อนที่กลิ้งไปไหนไม่ได้เลยต้องมาจบชีวิตในกระเพาะ และเวลาพักเที่ยง
เราสองคนต่างนั่งนึกถึงตัวเอง ขณะที่รถของเราเคลื่อนตัวกลับสู่ออฟฟิศและสถานที่ทำธุระ
...เราเป็น missing piece หรือ big O กันนะ?...
แล้วพวกคุณล่ะคะ..เป็นแบบไหน? =)
***ไปดูเวอร์ชั่น flash กันได้ ::ที่นี่:: ค่ะ (nan หามาให้...ขอบใจจ้า=)
นลิน เพื่อนหญิงที่สนิทคนนึงของฉันแวะมาทำธุระที่กรมส่งเสริมฯ ใกล้ๆที่ทำงาน
เลยขับรถพานลินไปกินข้าวตอนพักเที่ยงแถวๆนั้น
เราคุยกันหลายเรื่อง
ส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกับนลินก็จะเป็นแนวๆ spiritual
เพราะเราต่างก็ชอบด้วยกันทั้งคู่
แม้ว่าเราจะมีแนวทางต่างกันไปบ้าง
หลังมื้ออาหาร ขับรถผ่านไปเจอร้านเค้กน่ารักๆ เงียบสงบร้านหนึ่ง
คอเค้กอย่างเราทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะแวะชิม
chocolate cake สีเข้มข้น กับ black forest ครีมขาวจั๊วะ เชอรี่แดงแจ๋ มาวางตรงหน้า
เราหยุดบทสนทนาไปพักหนึ่ง
เพื่อไปเอาใจใส่กับก้อนสามเหลี่ยมยวนใจตรงหน้า
น้ำเย็นๆ ชื่นใจไหลผ่านคอ เพื่อให้เนื้อฟูนุ่มของแป้งเค้กหลุดลื่นลงสู่กระเพาะได้ง่ายขึ้น
แล้วบทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง..
วันนั้นเราคุยกันถึงเรื่อง..ความรัก..
เราผลัดกันตั้งคำถามและผลัดกันหาคำตอบเท่าที่เราพอจะคิดได้กันในตอนนั้น
หลายเรื่องราว หลายคำถาม-ตอบ สลับกับชิ้นเค้กที่ถูกลำเลียงผ่านลิ้นสัมผัสเข้าสู่ลำคอเป็นระยะๆ
คงเทียบเคียงได้กับกลุ่มผู้ชายที่มักจะคุยกันออกรสในวงเหล้ากระมังคะ =)
เราคุยกันหลาย topic เหลือกิน ทั้งที่เวลาเรามีไม่มากนัก
ให้เล่าทั้งหมดคงจะนึกไม่ออก
แต่เรื่องหนึ่งที่จำได้คือ
นลินเล่าว่า มีเพื่อนของเธอคนหนึ่งค้นหาความรักจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และมักจะผิดหวัง
เพราะคนที่ผ่านเข้ามา มักจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอต้องการเมื่อคบกันไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
นลินถามกลับไปว่า..แล้วเธอมีความอยากที่จะ take care พวกเค้าเหล่านั้นมั้ย
เมื่อยามที่คบกันอยากที่จะประคับประคองต่อไปหรือเปล่า
เพื่อนเธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง..เปล่า..อาจเป็นได้ที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอ..
นลินบอกเพื่อนว่า งั้นนั่นอาจไม่ใช่ความรักหรอก..มันคือความเหงาของเธอมากกว่า..ที่ทำให้เธอคบกับหนุ่มๆเหล่านั้น
เธอจึงอยากได้และอยากให้เขาเป็นในสิ่งที่เธอต้องการ..สิ่งที่เธอขาดไป..
....................................
ก่อนหน้านั้น นลินได้คุยกับ philosopher คนหนึ่ง
เรื่องความรักเช่นกัน
เค้าให้ประโยคนึงไว้ว่า
ความรักที่ดีควรจะเกิดจากคนสองคนซึ่ง complete ในตัวเองแล้วจึงพร้อมที่จะให้ความรักแก่กันและกัน
ฟังนลินเล่ามาถึงตอนนี้
ใจฉันนึกไปถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชอบมาก
เคยไปยืนอ่านที่เอเชียบุ้คส์ เมื่อครั้งที่เป็นภาษาอังกฤษหลายปีมาแล้ว
มาวันหนึ่งมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์เอามาให้เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่าชอบหนังสือเล่มนั้น
แล้วบังเอิญที่ทำงานเพื่อนคนนั้นได้แปลหนังสือเล่มนั้นเป็นภาษาไทย
ความจริงมันไม่ใช่หนังสือปรัชญายากเย็นอะไรหรอกค่ะ
ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถอ่านจนจบในภาคภาษาอังกฤษได้ในร้านนั้นแน่
มันเป็นคล้ายๆหนังสือภาพลายเส้น เนื้อเรื่องสั้นๆ ศัพท์ง่ายๆ เหมือนหนังสือเด็กด้วยซ้ำ
หนังสือที่แปลเป็นไทยแล้ว : อภินันทนาการจากฟุ้งตั้งแต่ปี 44
ชื่อเรื่อง the missing piece meet big O
(บางคนอาจจะคุ้นหูกันมาบ้างก็ได้ เพราะหนังสือมันออกมานานแล้ว)
เป็นเรื่องราวของชิ้นเค้กสามเหลี่ยม(หรือพิซซ่า) รอคอยหาส่วนที่หายไปของตัวเอง
รอไป รอไป ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ซักที
จนมาเจอส่วนนึ่งที่แหว่งไปพอดีกับที่ตัวเองจะเข้าไปสวมได้เป๊ะผ่านเข้ามา..ครบวงพอดี
ก็เลยออกเดินทาง(กลิ้ง) ไปด้วยกัน
แล้ววันหนึ่งจู่ๆ เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมก็ดันโตขึ้น เปลี่ยนรูปร่างไป
จากที่เคยพอดี พอเหมาะ พอเจาะ ก็ไม่พอดีซะแล้ว กลิ้งต่อไม่ได้แล้ว
ในที่สุดก็ต้องเซย์กู้ดบายกันไป...
เจ้าสามเหลี่ยมต้องรอต่อไป..และรอต่อไป
วันหนึ่ง..มี big O กลิ้งมาเจอเจ้าชิ้นสามเหลี่ยม
big O ไม่เหมือนชิ้นอื่นๆที่ผ่านเข้ามา
เพราะ big O ไม่มีส่วนที่ขาดหาย
ไม่มีส่วนที่เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมนั่นจะเสียบเข้าไปได้เลย
เจ้าสามเหลี่ยมก็เลยถาม แล้วจะพาฉันไปด้วยได้ไงล่ะ
big O ตอบว่า ฉันพาเธอเกาะไปไม่ได้ แต่เราอาจจะกลิ้งไปพร้อมกันได้
เจ้าชิ้นสามเหลี่ยมบอกว่า ฉันกลิ้งไม่ได้อ้ะ ฉันมันไม่เต็มก้อน ไม่เป็นวงๆเหมือนเธออ้ะ
big O ถามกลับว่า..แล้วเธอเคยลองหรือยัง?
big O ทิ้งคำถามไว้พร้อมกล่าวคำลาและกำลังใจน้อยๆว่า..วันนึงเราอาจจะได้เจอกันอีก
ชิ้นสามเหลี่ยมนิ่ง..คิด
แล้วก็ลองพยามดู ทีละนิด วันละนิด แต่ตั้งใจ
ที่จะยกตัวเองและกลิ้งไปข้างหน้า
ทีละนิด วันละนิด
จนในที่สุด..มันก็เริ่มกลิ้งได้
เหลี่ยมและมุม ถูกลบออกไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นวงกลม วงน้อยๆ
พร้อมที่จะวิ่งไปข้างหน้า และเติบโต..ด้วยตัวเอง
พร้อมที่วิ่งไปข้างๆ big O เมื่อมันมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง
....................................
เช่นเดียวกับที่ philosopher คนนั้นว่าไว้
มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่..
ความจริงมันเป็นเรื่องเก่า..
แต่บางครั้งเราอาจลืมไปหรือเปล่า?..
ลืมหัดให้ตัวเองเป็น big O ที่ complete ก่อนที่จะรอให้คนอื่นมาทำให้ complete
เป็น big O ที่พร้อมจะให้ความรักกับอีกฝ่าย
เป็น big O ที่รับความรักจากอีกฝ่ายเพื่อให้เป็นบิ๊กโอวงใหญ่ขึ้น
ไม่ใช่โดยคาดหวังที่จะให้อีกคนมาเป็นผู้เติมเต็มให้ตัวเองเต็มชิ้น
....................................
บทสนทนาจำต้องจบลงพร้อมๆ กับเจ้าชิ้นสามเหลี่ยมสองก้อนที่กลิ้งไปไหนไม่ได้เลยต้องมาจบชีวิตในกระเพาะ และเวลาพักเที่ยง
เราสองคนต่างนั่งนึกถึงตัวเอง ขณะที่รถของเราเคลื่อนตัวกลับสู่ออฟฟิศและสถานที่ทำธุระ
...เราเป็น missing piece หรือ big O กันนะ?...
แล้วพวกคุณล่ะคะ..เป็นแบบไหน? =)
***ไปดูเวอร์ชั่น flash กันได้ ::ที่นี่:: ค่ะ (nan หามาให้...ขอบใจจ้า=)
Comments
จงทำตัวอ้วนๆ จะได้กลิ้งง่าย?
ฮ่าาาา พูดเล่น
เคยอ่านเรื่องนี้ มันเป็น Flash Animation คนทำขยันมาก อ่านแล้วได้แง่คิดไรเยอะดี
งั้นตอนนี้แจงก็จะเป็น big O แล้วล่ะ
เพราะจะกลิ้งได้แล้ว ฮี่ๆๆๆๆ
เคยดูเป็นแฟลชเหรอคะ ดูที่ไหนอ่ะ
ยังมีอยู่ป่าวหาให้ดูมั่งจิ \(^o^)/
โหลดเก็บไว้ได้ด้วยนะ
http://www.maama.com/download/socute/view.php?id=999999
เอาไปใส่เพิ่มไว้ในเนื้อเรื่องแล้วจ้ะ
ขอบใจมาก ;-)
เธออ่ะ?
ก็กินน้อยๆ หน่อยสิ =)
สู้ๆ =D
ทีเฮียดองเป็นเดือนหนูยังไม่ทวงเลย
ฮ่าๆๆๆๆๆ(^o^)
ซึ้งเลย
น่ารักมากๆ ด้วย
Jack
^
(^____^) ค่ะ ชอบเหมือนกัน
แจ็คไหนคะนี่
ว่างๆ เชิญแวะมาอ่านอีกนะคะ =)